PC กับ Server ต่างกันตรงไหน
เทคโนโลยีบางอย่างที่ Personal Computer (PC) นั้นไม่มี และ Server ประกอบก็ไม่มีเช่นกัน
Server บางรุ่น สามารถบอกให้คุณได้รู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำว่าอุปกรณ์ตัวใดกำลังจะเสีย เสียตัวที่เท่าไร ลองนึกภาพ หากคุณใส่ Memory ไปทั้งหมด 8 แถว แล้วเกิด Memory เสีย สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ถอดออกทีละแถว แล้วรันดูว่าแถวไหนเสีย แต่เทคโนโลยี่ Server บางยี่ห้อ สามารถดูสัญญาณไฟบน Main Board หรือ ผ่านสัญญาณไฟ LED หน้าเครื่อง ไฟจะบอกได้เลยว่า Memory แถวไหนเสีย หรือหาก Harddisk กำลังเสีย วิ่งด้วยความเร็วผิด Speed ก็จะแจ้งเตือนที่หน้าเครื่องว่ากำลังจะเสีย สิ่งนี้คุณจะไม่พบได้เลยใน Personal Computer (PC) หรือแม้กระทั้ง Server ประกอบ จริงๆแล้ว Mainboard เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ ชื่อก็บอกอยู่ล่ะว่า Main ถามต่อไปว่าต่างกันขนาดนั้น คงต่างกันที่สถาปัตยกรรม Board Server ถูกออกแบบมาให้รันได้ตลอด 24 ชม แต่ Personal Computer (PC) ไม่ใช่อย่างนั้น ส่วน Slot ต่างๆก็จะแตกต่างกัน Server โดยส่วนใหญ่จะ Onboard พวกการ์ดจอ และก็เช่นกัน มักไม่มี Sound Card ทั้งที่เพราะส่วนใหญ่นำ Server ไว้ share file รัน application เลยไม่ค่อยฟังเสียงกัน คนที่ใช้งาน multimedia มากๆมักจะใช้ workstation มากกว่า Server บความแตกต่างด้านราคานั้น ผมเคยซื้อตัวประกอบ Mainboard PC จะอยู่ที่ 1,500 – 3,000 แต่ถ้า Server ราคามักจะเริ่มต้นที่ 10,000 บาทสำหรับ Mainboard นี่คือพวก Server ประกอบนะครับ แต่เดี๋ยวนี้ Brand name ก็ถูกกว่าประกอบได้ ซึ่ง EVO Hosting เลือกที่จะใช้ Server Brand Name เท่านั้น เนื่องจากมีเสถียรภาพที่มากกว่า แล้ว ยังมีบริการหลังการขายที่สามารถเรียกเจ้าหน้าที่ของ Brand นั้น ๆ มา On Site Service ได้อีกด้วย
Power Supply
Power Supply นั้นเป็นส่วนสำคัญ เป็นระบบจ่ายไฟของทั้งระบบ สำหรับตัวนี้นั้นสำหรับ Server ก็เช่นกัน ถูกออกแบบมาให้เปิดใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เท่าที่ผมเคยซื้อ มันตัวนึงก็ 5 พันกว่าบาทได้ นี่แบบถูกๆเลยนะ แต่เราจะเห็นว่า Power Supply ของ Personal Computer (PC) มีราคาตั้งแต่ลูกละ 100 บาท เห็นว่ามันต่างกัน แล้วผมเคยมีประสบการณ์ บางคนใช้ Personal Computer (PC) แล้ว Power Supply ไหม้ ส่งผลถึงข้อมูลระบบ มันละลายลงไปโดน Main Board ทำให้ Harddisk เสียหาย และข้อมูลพัง จบเลยงานนี้ ดังนั้นท่านต้องคิดแล้วล่ะว่าข้อมูลท่านสำคัญมากน้อยแค่ไหน
อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับ Server นั้นมีหลายรุ่นที่มี Reduntdant Power Supply นั้นคือ มันมี Power Supply 2 ตัวในเครื่องเดียว ป้องกัน Power Supply พัง แล้วยังเป็น Hot swap ด้วย นั้นคืออันไหนพังเราก็ดึงออกได้เลย โดยไม่ต้องปิดเครื่อง แล้วเสียบเข้าได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องเช่นกัน ก็จะไม่มี Downtime เลยว่างั้น
CPU นั้นต่างกันแน่นอน แต่ก็มี CPU ที่ไม่ต่างกันคือพวก CPU ตระกูล Pentium ทั้งหลาย บน Server กับ Personal Computer (PC) นั้นไม่ต่างกัน แต่สำหรับ Server เองที่อยู่ในระดับสูงนิดนึงก็จะมี XEON Processor เป็น Server ที่สำหรับ Server ใส่ได้ตั้งแต่ 2 ตัว 4 ตัว 8 ตัว 16 ตัว แล้วแต่ Main Board จะเห็นว่าหากคุณรันงานหนักๆ คงไม่มีทางที่จะเอา CPU Pentium เพียงตัวเดียวมาทำงาน งานบางงานระดับ Software House ก็ใช้ Server ตัวนึงเป็นล้านๆ แต่ถามว่าแม้เป็นล้าน มันก็ทำงานได้หลายล้านเช่นกัน สรุปคือ CPU มีจำนวนที่ใส่ได้มากกว่า แล้วสามารถรองรับ Application ที่รันหนักๆได้อย่างดี
บางคนอาจจะ โห มันต่างกันด้วยเหรอ ต่างครับ Server จะใช้ Memory ที่เรียกว่า ECC Memory จะเป็น Memory ที่มีระบบป้องกันการส่งข้อมูลผิดพลาด อีกทั้ง Memory สำหรับบางยี่ห้อที่เป็น Chipkll คือเป็นเหมือน Mirror Memory เลยทีเดียว คือ หากคุณมี Memory 4 แถว เกิดพังไป 1 แถว ถ้าเป็น PC รันไปถึง Memory ตัวนั้นก็คงแฮงค์ไปเลย แต่ Server ไม่พังคับ ก็ยังรันต่อไปได้ โดยไม่มีสะดุด หรือ Harddisk นั้นแหละ ทำไมต่างกันนั้นเหรอ สำหรับ PC เราคงรู้จัก IDE กัน แล้วก็เดี๋ยวนี้คงเป็น Serial ATA (SATA) มาแทน IDE แต่สำหรับ Server นั้นจะสามารถใช้งาน SCSI ได้ ซึ่งเป็น Harddisk ที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ แล้วยังมีเทคโนโลยี่ใหม่เรียกว่า SAS (แซด) ฟังดูเศร้าๆ แต่ก็เป็นเทคโนโลยี่ของ SCSI ใหม่ที่ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมี Disk แบบใหม่ที่ทาง EVO Hosting ใช้อยู่คือ Solid State Drive (SSD) ซึ่งจะกล่าวไปคราวถัดไป
RAID หลายคนอาจจะฟังแล้วไม่คุ้น บางคนก็คงคุ้นเคย ใน Personal Computer (PC) นั้นไม่มี RAID แน่นอนทำให้เลยไม่คุ้นสักเท่าไร แต่ใน Server นั้น RAID มีความสำคัญมาก ถ้าพูดถึงข้อมูลแล้ว เราคงให้ความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นเลยมีเทคโนโลยี่ RAID เพื่อช่วยป้องกัน Harddisk พัง ซึ่งจะทำให้มี Harddisk ที่พร้อมทำงานแทนตลอดเวลาเมื่อลูกใดลูกหนึ่งพัง ก็ไม่ต้องมานั่งกู้ข้อมูล Restore กันให้วุ่นวาย รวมถึง RAID ยังสามารถทำให้ประสิทธิภาพในการเรียกใช้งาน Harddisk ทำได้เร็วขึ้นด้วย ก็มีเช่นกัน ดังนั้นทำให้หลายองค์กรก็เลือกใช้ RAID เพื่อป้องกันข้อมูลที่สำคัญของตนเอง ไว้ผมจะเขียนเรื่อง RAID ให้ว่าแต่ละ RAID ต่างกันอย่างไรมันมีตั้งแต่ RAID 0,1,5,0+1,10 สารพัด RAID
Server Cooling System เคล็ดลับการรักษาประสิทธิภาพของเซิร์ฟเวอร์
เนื่อง จากเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีการทำงานอยู่ตลอดเวลา (24/7) และต้องการประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป อีกทั้งยังต้องสามารถรองรับการทำงานอย่างหนัก และมีความต่อเนื่องกันได้โดยไม่มีการหยุดพัก ด้วยเหตุนี้เองเครื่องเซิร์ฟเวอร์จึงมีโอกาสที่จะเกิดความร้อนสะสมได้มาก ขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างการประมวลผลการทำงาน ถ้าระบบระบายความร้อนของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับ การระบายความร้อนได้ดีพอแล้ว ย่อมจะส่งผลให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์มีประสิทธิภาพการทำงานที่ต่ำลง และอาจทำให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ดาวน์ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ นอกจากนั้นแล้วยังอาจมีผลทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครื่องเซิร์ฟเวอร์เกิดความเสียหาย หรือมีอายุการใช้งานที่สั้นลงได้
เครื่องเซิร์ฟเวอร์โดยทั่วไปมักจะพบ ปัญหาดังที่กล่าวมา เนื่องจากระบบระบายความร้อนที่เกินขึ้นภายในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้ถูกออก แบบมาเพื่อรองรับการทำงานอย่างถูกต้อง ทำให้เครื่องเซิร์ฟเวอร์มีอุณหภูมิที่สูง ส่งผลให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และไม่มีเสถียรภาพ ระบบระบายความร้อนภายในเซิร์ฟเวอร์จึงมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาที่เกิดจาก ระบบการระบายความร้อนแบบเดิมได้ เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของคุณจะสามารถทำงานได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพสูงสุด
นวัตกรรมของระบบระบายความร้อนแบบใหม่จะให้ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี กว่าเดิม โดยช่วยให้ความร้อนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ถ่ายเทออกจากตัว เครื่องด้วยช่องทางที่แตกต่างและเป็นอิสระต่อกัน 3 ช่องทาง ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นภายในตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์จะถูกระบายออกไปได้ มากกว่าและรวดเร็วกว่าเดิม เทคโนโลยีนี้จึงช่วยให้ความร้อนไม่ทำให้เกิดปัญหารบกวนประสิทธิภาพการทำงาน ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป และที่พิเศษไปกว่านั้นในปัจจุบันผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์จะมีการพัฒนาเมนบอร์ดของ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้มีเซนเซอร์ทำหน้าที่คอยตรวจจับอุณหภูมิ และแรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้นบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ซึ่งจะช่วยให้ผู้ดูแลระบบ ทราบถึงความร้อนและความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้ตลอด เวลา เทคโนโลยีต่างๆเหล่านี้จึงช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าเครื่องเซิร์ฟเวอร์ของคุณ จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเป็นหารลดความเสี่ยงในการเกิดเซิร์ฟเวอร์ดาวน์ เพื่อยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้อีกทางหนึ่ง สำหรับรองรับการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งในธุรกิจของคุณ
ก่อนเลือกใช้บริการ Hosting ลองสอบกับผู้ให้บริการดูว่า ใช้ Server รุ่นใด ยี่ห้อใดอยู่